อย่าตัดสินคนด้วยภาพถ่ายเพียงภาพเดียว

อย่าตัดสินคนด้วยภาพถ่ายเพียงภาพเดียว

โพสต์โดย admin » พุธ 16 พฤศจิกายน 2016, 22:24

รูปภาพ

1 กุมภาพันธ์ 1968

บนถนนในกรุงไซง่อน ระหว่างที่สงครามเวียดนามกำลังเดือดถึงขีดสุด...

ภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งถูกถ่ายขึ้น...
ภาพของทหารคนหนึ่ง กำลังจ่อยิงชายคนหนึ่ง ที่ถูกมัดมือไพร่หลังอย่างโหดเหี้ยม...
ปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ผ่านสายตาของผู้อ่านชาวอเมริกันนับล้าน...

เราได้เห็น เสี้ยววินาทีที่กำลังก้ำกึงระหว่างความเป็นและความตาย
ในขณะที่กระสุนกำลังเจาะผ่านสมองของชายผู้เคราะห์ร้ายรายนี้

ตอนนั้น...ไม่มีใครรู้ว่า บุคคลทั้ง 2 ในรูปนี้เป็นใคร...
แต่ทุกคนคิดแบบเดียวกันว่า นี่คือ ภาพทหารยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์

ช่างภาพของสำนักข่าว AP "เอ็ดดี้ อดัมส์" เป็นผู้ถ่ายภาพภาพนี้ไว้...
และภายหลังเขาก็ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์จากภาพถ่ายภาพนี้

ท่ามกลางภาพถ่ายอันโหดร้ายของสงครามเวียดนามนับหมื่นๆภาพ...
ภาพนี้ คือ หนึ่งในภาพที่ได้รับความสนใจและเป็นที่จดจำมากที่สุด
มันกลายเป็นหนึ่งในภาพถ่ายระดับ "ไอคอนนิก" ในประวัติศาสตร์
และทรงพลังจนแม้แต่ตัวอดัมส์เองยังแปลกใจ....

ภาพนี้มีส่วนสำคัญ ที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวของหนุ่มสาวชาวอเมริกันนับล้าน
ให้ออกมาเดินขบวนต่อต้านสงคราม จนนำไปสู่การถอนทหารอเมริกันออกจากเวียดนามในที่สุด

..............

นายทหารที่อยู่ในภาพนี้ คือ "นายพลตำรวจ เหงียน ง่อก โลน"

หลังจากถ่ายภาพนี้ไม่นาน...
นายพลได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้อย่างกล้าหาญ จนต้องสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง...
ภายหลังจากกรุงไซง่อนแตก เขาได้ลี้ภัยไปอยู่อเมริกา และหวังจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขที่นั่น...

แต่โลกไม่ยอมให้อภัยกับความโหดร้ายของชายคนนี้....
และพิพากษาเขาด้วยภาพถ่ายภาพเดียว

นายพลเหงียนกลับมาใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา เขาแต่งงาน มีลูก...
และเปิดร้านพิซซ่าเล็กๆ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี...
แต่ผู้คนจดจำเขาได้...ต่างพากันขับไล่และสาปแช่ง...
จนเขาต้องถูกไล่ออกจากร้านพิซซ่าของตัวเองในปี 1991

หลังจากนั้น ไม่ว่าเขาจะย้ายไปที่ไหน ครอบครัวของเขาก็ถูกขับไล่ไสสง
จนหาความสงบสุขไม่ได้ แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิต

นายพลเหงียนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในปี 1998 เมื่ออายุได้ 68 ปี....

.....................

ก่อนตาย เขาได้เล่าเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหลังภาพประวัติศาสตร์ภาพนั้น....

....................

ชายคนที่ถูกยิงศีรษะ ชื่อ "เหงียน ฟาน เล็ม" เป็นทหารเวียดกงระดับหัวหน้า...

ก่อนเกิดเหตุการณ์ในภาพ....

เล็มพากำลังพลของเขา ขับรถถังบุกยึดสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเวียดนามใต้่่้ในโฮจิมินห์
ที่มีที่พักของครอบครัวตำรวจอยู่ด้วย
และจัดการสังหารโหด ผู้พัน "เหงียน ทวน" และทั้งครอบครัวของเขา
อันได้แก่ ภรรยา ลูกๆทั้ง 6 คน และแม่อายุ 80 ด้วยการเชือดคอ
มีเพียงบุตรชายวัย 10 ขวบเพียงคนเดียว ที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัส...

ทีมของเขา สังหารโหดผู้คนที่อยู่ที่นั่นอีก 34 ชีวิตด้วยวิธีการเดียวกัน...
ไม่เว้นแม้กระทั่ง ครอบครัวตำรวจที่มีเด็กเล็กๆ อีก 3 คน

ภายหลังเล็มถูกจับได้ นำมาต่อหน้านายพลเหงียน...
เขาพูดอย่างภาคภูมิใจไม่สะทกสะท้าน ที่สามารถฆ่าคนพวกนี้ได้อย่างเลือดเย็น...
จึงถูกนายพลเหงียนยิงศีรษะทิ้งในทันที...

แล้วภาพประวัติศาสตร์ภาพนี้ก็ถูกถ่ายขึ้น...

...............

ภาพนี้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือต่อต้านสงคราม...
โลกสงบสุข....แต่ชีวิตนายพลเหงียนพังทลาย....

...............

แม้จะได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ แต่อดัมส์ก็รู้สึกผิดต่อนายพลเหงียนอย่างยิ่ง....

ภายหลังเขาไปหาท่านนายพลที่ร้านพิซซ่า แต่ก็ไม่พบ...
พบแต่เพียงข้อความถูกเขียนอยู่บนผนังร้านว่า " We know who you are, fucker !! "

อดัมส์เขียนลงในนิตยสาร Time ว่า

"มีคนสองคนที่ตายในภาพนี้ คือ ผู้รับกระสุน และนายพลเหงียน ง่อก โลน...
ท่านนายพลฆ่าเวียดกง...แต่ผมฆ่าท่านนายพลด้วยกล้องของตัวเอง...

ภาพถ่าย เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดบนโลกใบนี้...
ผู้คนเชื่อมันอย่างหมดใจ...
แม้ว่าจะถูกมันหลอกลวง หรือยังมีความจริงอีกครึ่งนึงที่ไม่ถูกบอกเล่า...

สิ่งที่ภาพถ่ายไม่ได้บอก คือ "แล้วคุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเป็นท่านนายพลในเวลานั้น
ในวันที่เดือดที่สุดของสงครามอันโหดร้าย และคุณสามารถจับฆาตกรที่สังหารคนบริสุทธ์เป็นจำนวนมากได้"

ภาพถ่ายนี้ ทำลายชีวิตของเขา...
แต่เขาไม่เคยกล่าวโทษผม เขาบอกแต่เพียงว่า แม้คุณจะไม่ถ่ายมัน แต่ก็จะมีคนอื่นทำอยู่ดี...

แต่ผมรู้สึกผิดต่อเขาและครอบครัวเขาเสมอมา...
ผมส่งดอกไม้ไปให้ เมื่อได้ยินว่าเขาเสียชีวิตแล้ว และเขียนว่า "ผมเสียใจ และร้องไห้อย่างสุดซึ้ง"

..........

เมื่อนายพลเหงียนเสียชีวิต...
อดัมส์ได้ไปร่วมงานศพเขา และได้เขียนถ้อยคำสดุดีว่า...

"คนนี้ คือ วีรบุรุษที่แท้จริง...
ชาวอเมริกันควรจะร่ำไห้ให้เขา...
ผมรู้สึกเจ็บใจที่มันกลายเป็นอย่างนี้...
โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย...
นอกจากเพียงในภาพภาพเดียวเท่านั้น"....

............

ก่อนอ่านกับหลังอ่านแล้ว...ถามตัวเองว่าความคิดของคุณเปลี่ยนไปหรือเปล่า...?

นั่นแหละครับ พลังทำลายล้างของภาพถ่าย 1 ภาพ

Credit : ได้รับมาทางไลน์ 16.11.2016
admin
Administrator
 
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 01 มกราคม 2013, 22:36

ย้อนกลับไปยัง เรื่องเล่า เฮฮา ขำขัน

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron